ปวดท้องประจำเดือน ?
ปวดท้องประจำเดือน ?
สาวๆอยากรู้มั้ยว่า ทำไมถึงปวดท้องประจำเดือน ?
เกิดเป็นผู้หญิงนั้นแท้จริงแสนลำบาก… เชื่อว่าคำกล่าวนี้คงจะตรงใจสาวๆทั้งหลาย โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับการปวดประจำเดือน ซึ่งถือเป็นปกติที่คุณผู้หญิงทุกคนต้องเจอ บ้างก็ปวดเพียงเล็กน้อย บ้างก็ปวดจนทนไม่ไหวต้องพึ่งยาบรรเทาปวด อย่างไรก็ดี หลายคนคงเกิดความกังวลปนสงสัยว่า ทำไมผู้หญิงถึงต้องปวดประจำเดือน และการปวดท้องแบบที่เป็นอยู่นี่เป็นเรื่องปกติหรือไม่ เพื่อความกระจ่างวันนี้เรามาหาคำตอบกัน
เกิดเป็นผู้หญิงนั้นแท้จริงแสนลำบาก… เชื่อว่าคำกล่าวนี้คงจะตรงใจสาวๆทั้งหลาย โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับการปวดประจำเดือน ซึ่งถือเป็นปกติที่คุณผู้หญิงทุกคนต้องเจอ บ้างก็ปวดเพียงเล็กน้อย บ้างก็ปวดจนทนไม่ไหวต้องพึ่งยาบรรเทาปวด อย่างไรก็ดี หลายคนคงเกิดความกังวลปนสงสัยว่า ทำไมผู้หญิงถึงต้องปวดประจำเดือน และการปวดท้องแบบที่เป็นอยู่นี่เป็นเรื่องปกติหรือไม่ เพื่อความกระจ่างวันนี้เรามาหาคำตอบกัน
ทำไมต้องปวดประจำเดือน
การปวดประจำเดือน คืออาการปวดบีบเป็นพักๆ บริเวณท้องน้อย อาจร้าวไปถึงบริเวณหลัง บริเวณก้น หรือบริเวณต้นขาซึ่งอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย หน้ามืด เป็นลมร่วมด้วย โดยปกติแล้วการปวดประจำเดือนนั้นเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเกิดกับเด็กผู้หญิงที่เริ่มมีประจำเดือน โดยจากมีอาการปวดในช่วงแรกและจะปวดลดน้อยลง แต่ถ้าหากคุณผู้หญิงท่านใดที่มีอาการปวดประจำเดือนมาก คือ เดิมปวดเล็กน้อยพอเวลาผ่านไปมีอาการปวดมากขึ้นเรื่อยๆ สามารถสงสัยเบื้องต้นได้ว่าอาจเกิดการผิดปกติ
ปวดประจำเดือนแบบไหน ถือว่าผิดปกติ
จริงๆแล้วอาการปวดท้องน้อยเวลามีประจำเดือน จะมีอาการปวดได้ในระดับหนึ่ง บางครั้งรับประทานยาแก้ปวดก็จะดีขึ้น แต่มีหลายรายที่อาการปวดประจำเดือนจะปวดมากขึ้นเรื่อยๆ โดยอาจจะมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ปวดไปหลัง ไปเอว ไปก้นกบ ปวดร้าวไปที่หน้าขา มีอาการท้องอืดท้องบวม ท้องใหญ่ขึ้น เวลามีระดูจะถ่ายอุจจาระเหลวหรือท้องเสีย บางรายถ่ายอุจจาระจะปวดเบ่งปวดถ่ายมากกว่าช่วงไม่มีประจำเดือน บางคนเวลามีประจำเดือนจะปวดปัสสาวะบ่อยมากขึ้น ปัสสาวะขัด หรือเวลามีเพศสัมพันธ์จะเจ็บท้องน้อย เจ็บมดลูก ซึ่งปกติแล้วไม่ควรมี
จริงๆแล้วอาการปวดท้องน้อยเวลามีประจำเดือน จะมีอาการปวดได้ในระดับหนึ่ง บางครั้งรับประทานยาแก้ปวดก็จะดีขึ้น แต่มีหลายรายที่อาการปวดประจำเดือนจะปวดมากขึ้นเรื่อยๆ โดยอาจจะมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ปวดไปหลัง ไปเอว ไปก้นกบ ปวดร้าวไปที่หน้าขา มีอาการท้องอืดท้องบวม ท้องใหญ่ขึ้น เวลามีระดูจะถ่ายอุจจาระเหลวหรือท้องเสีย บางรายถ่ายอุจจาระจะปวดเบ่งปวดถ่ายมากกว่าช่วงไม่มีประจำเดือน บางคนเวลามีประจำเดือนจะปวดปัสสาวะบ่อยมากขึ้น ปัสสาวะขัด หรือเวลามีเพศสัมพันธ์จะเจ็บท้องน้อย เจ็บมดลูก ซึ่งปกติแล้วไม่ควรมี
หากมีอาการปวดดังกล่าว ก็สามารถตั้งข้อสงสัยได้เลยว่าอาจจะมีสาเหตุหรือโรคบางอย่างที่ทำให้เกิดอาการปวดประจำเดือนรุนแรงขึ้น ที่พบได้บ่อยคือโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) ซึ่งในระยะแรกจะเป็นตุ่มเล็กๆ ฝังตัวอยู่ในอุ้งเชิงกราน ทุกเดือนที่มีเลือดระดูออกทางช่องคลอด ตุ่มเล็กๆ ที่ฝังตัวในอุ้งเชิงกรานก็จะมีเลือดออกเช่นกันทุกเดือน จะฝังตัวมากขึ้น เมื่อเป็นมากจะมีพังผืดเกิดขึ้นไปพันรัดกับอวัยวะข้างเคียงทำให้มีอาการผิดปกติของการถ่ายปัสสาวะ อุจจาระ การมีเพศสัมพันธ์ แม้กระทั่งทำให้มีบุตรยาก เนื่องจากท่อนำไข่ไม่สามารถจับไข่ได้ ไข่ก็ไม่สามารถผ่านท่อนำไข่เพื่อปฏิสนธิกับตัวอสุจิ
นอกจากนี้ สิ่งที่ทำให้การปวดประจำเดือนรุนแรง คือเนื้องอกของกล้ามเนื้อมดลูก ก้อนเนื้องอกแทรกอยู่ในกล้ามเนื้อมดลูก เวลามีประจำเดือนมดลูกจะบีบตัว เพื่อขับเลือดออกมา รวมถึงโรคปีกมดลูกอักเสบ ซึ่งเกิดจากการติดเชื้ออุ้งเชิงกรานอักเสบ มีอาการตกขาวบ่อย เป็นทั้งช่วงที่มีหรือไม่มีประจำเดือน ถ้ามีประจำเดือนอาการปวดท้องจะมากขึ้น
นอกจากนี้ สิ่งที่ทำให้การปวดประจำเดือนรุนแรง คือเนื้องอกของกล้ามเนื้อมดลูก ก้อนเนื้องอกแทรกอยู่ในกล้ามเนื้อมดลูก เวลามีประจำเดือนมดลูกจะบีบตัว เพื่อขับเลือดออกมา รวมถึงโรคปีกมดลูกอักเสบ ซึ่งเกิดจากการติดเชื้ออุ้งเชิงกรานอักเสบ มีอาการตกขาวบ่อย เป็นทั้งช่วงที่มีหรือไม่มีประจำเดือน ถ้ามีประจำเดือนอาการปวดท้องจะมากขึ้น
สัญญาณเตือน ที่จำเป็นต้องพบหมอ
1.ปวดท้องหลายวันก่อนมีประจำเดือน ความปวดมากขึ้นเมื่อมีประจำเดือนและอาจปวดมากต่อเนื่องไปหลังจากประจำเดือนหมด
2.ปวดมากจนใผลต่อคุณภาพชีวิต เช่น ต้องหยุดเรียนหนังสือ หยุดงานหรือไม่สามารถประกอบกิจวัตรประจำวันได้
3.ปวดมากขึ้นกว่าเดิม ทานยาแก้ปวดก็ไม่ดีขึ้น ต้องเพิ่มยามากขึ้นหรือต้องเปลี่ยนเป็นยาที่แรงขึ้น เพื่อระงับปวด
2.ปวดมากจนใผลต่อคุณภาพชีวิต เช่น ต้องหยุดเรียนหนังสือ หยุดงานหรือไม่สามารถประกอบกิจวัตรประจำวันได้
3.ปวดมากขึ้นกว่าเดิม ทานยาแก้ปวดก็ไม่ดีขึ้น ต้องเพิ่มยามากขึ้นหรือต้องเปลี่ยนเป็นยาที่แรงขึ้น เพื่อระงับปวด
4.ปวดเวลาถ่ายอุจจาระ หรือปัสสาวะ ขณะมีประจำเดือน
5.ปวดเวลามีเพศสัมพันธ์
6.ถ่ายอุจจาระ หรือปัสสาวะเป็นเลือด เมื่อมีประจำเดือน
7.มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด
8.มีภาวะมีบุตรยาก
หากเข้าข่ายปวดประจำเดือนแบบผิดปกติ หรือมีสัญญาณเตือนดังกล่าว ควรได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยแพทย์จะซักประวัติ ตรวจร่างกาย ตรวจอัลตราซาวด์เพื่อการวินิจฉัยโรค รวมถึงสาเหตุอื่นๆที่อาจทำให้มีอาการปวดประจำเดือนมากผิดปกติ จะได้ทำการรักษาให้ตรงจุด ไม่ต้องทุกข์ทรมาณไปเรื่อยๆจนบั่นทอนทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต …เห็นไหมว่าเกิดเป็นผู้หญิงนั้นแท้จริงแสนลำบาก
6.ถ่ายอุจจาระ หรือปัสสาวะเป็นเลือด เมื่อมีประจำเดือน
7.มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด
8.มีภาวะมีบุตรยาก
หากเข้าข่ายปวดประจำเดือนแบบผิดปกติ หรือมีสัญญาณเตือนดังกล่าว ควรได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยแพทย์จะซักประวัติ ตรวจร่างกาย ตรวจอัลตราซาวด์เพื่อการวินิจฉัยโรค รวมถึงสาเหตุอื่นๆที่อาจทำให้มีอาการปวดประจำเดือนมากผิดปกติ จะได้ทำการรักษาให้ตรงจุด ไม่ต้องทุกข์ทรมาณไปเรื่อยๆจนบั่นทอนทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต …เห็นไหมว่าเกิดเป็นผู้หญิงนั้นแท้จริงแสนลำบาก
ที่มา : http://www.beauty24store.com
ความคิดเห็น